1st Time เรียนชิบาริที่ญี่ปุ่น (Day 4)


ป้ายบอกว่าถึง MK Studio แล้วนะ

ชิบาริในความหมายของคนญี่ปุ่นเป็นยังไง? เป็นศิลปะอย่างที่เราคิดกันในที่นี้รึเปล่า? สำหรับเราคือไม่ ถ้าศึกษาประวัติของชิบาริในอดีต จะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องบันเทิงโลกีย์และเพศอย่างแยกจากกันไม่ได้ ชิบาริเพิ่งถูกนำมาใช้มาทางศิลปะก็เมื่อในสมัยปัจจุบันนี้

วันนี้มีนัดไปดูโชว์ของคาซามิ เรนกิ (Kazami Renki) โชว์อันนี้จับผลัดจับผลูมาก คือก่อนไปญี่ปุ่นเห็นแกโพสว่ามีงานถ่ายรูปกับโชว์ในช่วงที่เราจะไป เลยทักไปถามว่าไปได้ไหม แกว่ามาได้เลย ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าโชว์อะไร ก็อยากรู้แหละ โชว์นี้จัดที่ MK Studio แถวสถานี Shin Okubo แต่ละสถานีในโตเกียวมีความพิเศษของย่านนั้น ๆ อย่าง Shin Okubo แม้จะห่างจากสถานี Shinjuku แค่สถานีเดียว แต่เหมือนเป็นย่านพักอาศัย ร้านค้าก็เหมือนเป็นร้านบ้าน ๆ ให้อีกบรรยากาศ ไม่ได้หวือหวาฟู่ฟ่าเหมือนชินจูกุ เห็นมีร้านอาหารไทยหลายร้านด้วย MK Studio คล้าย ๆ กับ Kitcolit คือเป็นชั้นใต้ดินรวมกับชั้นบนดิน โชว์ของคาซามิจัดหลังจากมีเซสชั่นถ่ายรูปเมื่อช่วงบ่าย เป็นโชว์ที่น่าสนใจตั้งแต่คนดูเพราะแต่ละคนอายุน่าจะเกิน 60 อย่างแน่นอน ให้ความรู้สึกเหมือนแฟนคลับมาดูโชว์ศิลปินในดวงใจ นางแบบในงานนี้มีสองคือ ชื่อว่า Yume กับ Ren ซึ่งในครึ่งแกจะเป็นการโชว์ความสามารถของทั้งสองคน ไม่ว่าในเรื่องของ self bondage หรือ aerial silk ซึ่งตื่นตาตื่นใจมาก และเช่นเคย ทุกคนก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนแปลกถิ่น มาทำไรตรงนี้ (ฮา) จนแม้แต่ Yume ต้องมาถามว่าที่มาเพราะจะมาดูโชว์ของคาซามิใช่ไหม ซึ่งก็ตอบว่าใช่

ถ่ายรูปกับ Kazami Renki เป็นที่ระทึก

หลัง Yume และ Ren โชว์เดี่ยวของตัวเองไปแล้ว ก็ถึงคราวของคาซามิที่เป็น Kinbaku Show คือโชว์ที่เน้นการมัดอย่างเดียว ซึ่งตื่นเต้นมาก สไตล์แกดูเป็นธรรมชาติ การมัดแกอาจจะมีขั้นตอนมากกว่าคนอื่น แต่ไม่รู้สึกว่าเยอะ แล้วฝีมือไม่ธรรมดามาก สามารถพลิกนางแบบคือ Ren ไปมากลางอากาศได้เหมือนไม่มีอะไรลำบาก จบโชว์ไปอย่างประทับใจ เราก็คิดว่าจบ เตรียมตัวกลับล่ะ แต่ Yume มาประกาศว่าพัก 15 นาทีนะ ต่อไปจะเป็นโชว์ยาวเกือบชั่วโมง ใครจะเข้าห้องน้ำก็ไปให้เรียบร้อย เราก็เตรียมตัวดูต่อ

โชว์ต่อไปคือ SM Show ซึ่งเราคิดว่าไม่ค่อยมีในปัจจุบัน มันเป็นโชว์ที่รวมการทรมานนางแบบอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่ได้พูดเกินเลยจริง เล่นกันหนักมาก ใช้อุปกรณ์ที่ไม่คิดว่าจะเอามาใช้ และนี่เป็นโชว์ที่ทำให้เราเข้าใจว่าชิบาริเป็นอย่างไรในอดีต เข้าใจในความหมายของคำว่าทรมานบันเทิง ตลอดเวลาเราไม่สามารถละสายตาไปได้เลย เป็นโชว์ที่ครบเครื่องมาก ยังคิดเลยว่าพวกปลาไหลหรือปิงปองโชว์ ถ้าทำให้ดี ๆ ก็จะน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ขากลับจากดูโชว์ พระจันทร์เต็มดวงพอดี แต่ถ่ายมาเท่าไฟถนน (ฮา)

ระหว่างที่นั่งดูโชว์ไป ในหัวผุดคำว่า Floating World ที่เคยได้ยิน จะเรียกว่าญี่ปุ่นทั้งประเทศเป็น Floating World ก็ไม่ผิด สถานที่ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงโลกีย์ที่ทำให้ทุกคนหลงไหลและหลงลืมชั่วขณะของกาลเวลา

โชว์จบหมดเสร็จสิ้นเกือบห้าทุ่ม เดินไปสถานีแล้วกลับที่พัก กลับดึกกันอีกวัน