1st time เรียนชิบาริที่ญี่ปุ่น (Day 1)


นั่งแท๊กซี่ไปสุวรรณภูมิว่าถึงวันบินแล้วเหรอเนี่ย 555

All my bags are packed but I’m not ready to go…

พอถึงวันจะบินก็ยังรู้สึกไม่พร้อมจริง ๆ มีเรื่องให้คิดกังวลมากมายไปหมด ขนของเผื่อไปเยอะมาก (aka น้ำหนักเกินไปเยอะ เพิ่งรู้ว่าเชือกที่มัดน้ำหนักรวม ๆ เกือบ 10 กก. OMG) ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนกลางคืนวันที่ 31 พ.ค. ขึ้นเครื่องของสายการบิน Zipair ซึ่งเป็น low cost ที่เพื่อนแนะนำว่าเครื่องใหม่ บริการดี แล้วไฟล์หกชั่วโมงก็ได้เริ่มขึ้นหลังเที่ยงคืนวันนั้น

เห็นเจ้าหญิงพีชมาต้อนรับ ถึงญี่ปุ่นแล้ว เย้ ๆๆๆ

เมื่อก่อนเคยนั่งเครื่องแบบนี้ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร แต่ลืมคิดไปว่าที่เคยนั่งนั้นคือไม่กี่ชั่วโมงไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ แถม “ชะรา ธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต” เรามีความแก่เป็นธรรมดา ลงเครื่องที่สนามบินนาริตะเช้าวันรุ่งขึ้นปุ๊ป เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวปวดหัวปวดหลังมากันครบ ที่นั่งขยับได้น้อย แทบไม่ได้นอนบนเครื่องเลย เดินเข้าสนามบินก็เงียบเหลือเกิน เหมือนเป็นกลุ่มเดียวที่เดินในสนามบิน (น่าจะเพราะเช้า?) แถมแดดญี่ปุ่นก็จ้าซะเหลือเกิน แสบตา

แต่ก็คิดว่าดีที่มาถึงตอนเช้า เพราะยังเด๋อมาก หัวยังไม่แล่น ยังไม่รู้ว่าต้องทำไรบ้าง สิ่งที่คิดอย่างแรกหลังจากผ่าน ตม. คือหาของกิน กองทัพเดินด้วยท้อง ถือคติว่าถ้าคิดว่าจะเจออะไรหนักหนาวุ่นวายต่อจากนี้ กินให้อิ่มตอนนี้ แล้วจะได้ไม่เป็นกังวล แต่นี่มาครั้งแรกไม่รู้ไงว่าจะไปหาอะไรกินที่ไหน เจอคอมบินิ (Convenient Store) ที่ชั้นใต้ดินเลยตรงดิ่งเข้าไปเลย เปิดประสบการณ์เข้าคอมบินิครั้งแรก เฮ้ย สนุกดี ถึงจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ของกินอัดแน่นมาก ได้กาแฟเข้มกับแซนวิสชิ้นเบิ้มพอมีแรงไปต่อ

อาหารมื้อแรก กาแฟ กับแซนวิสและขนม อัดคาร์ปกันให้แบบจุกไปเล้ย

จากนั้นนั่ง Narita Express (N-Ex) เข้าโตเกียว เพื่อจะไปที่พักแถว Ikebukuro คือตอนจองไม่รู้หรอกพวกสถานที่นี้มันอยู่ไหน รู้แค่ว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟแล้วก็ใกล้ Studio Six ของลุงสตีฟ คือมาครั้งแรกก็กลัวหลงทาง เลยหาที่พักใกล้ ๆ แล้วกัน จะได้เดินทางสะดวก ตอนวางแผนการเดินทางจากไทยก็ดูจากแผนที่แล้วน่าจะไม่มีปัญหา เชื่อมั่นในเครือข่ายรถไฟว่าถึงทั่วกันหมด N-Ex ใช้เวลาเป๊ะมากคือหนึ่งชั่วโมงจากสนามบินนาริตะถึงสถานีโตเกียว แล้วหลังจากนั้นก็ลากกระเป๋าตะลุยสถานีรถไฟ ไปขึ้นสาย Yamonote Line ต้องจำชื่อนี้ไว้เลยเพราะเป็นสายรถไฟที่จะขึ้นบ่อยในอีกหลายวัน

ถ้าถามว่าพอมาถึงญี่ปุ่นแล้วว๊าวไหม ก็ไม่นะ สัมผัสแรกออกจะผิดหวังนิด ๆ เพราะวิวทิวทัศน์ดูเก่า ๆ โทรม ๆ แต่ออกแบบถนนหนทางสำหรับเดินทางดีมาก คือสามารถลากกระเป๋าจากสนามบิน ขึ้นลงสถานีรถไฟ จนถึงที่พักโดยไม่รุ้สึกลำบากอ่ะ คือมีเหนื่อยบ้างเพราะเดินไกล แต่ไม่รู้สึกว่าพื้นถนนเหมือนทางวิบาก เป็นหลุมบ่อเหมือนกรุงเทพ พื้นระนาบดี ลากกระเป๋าได้ราบลื่นมาก

เป็นเมืองที่มีศาลเล็กศาลน้อยเต็มไปหมด อันนี้คือที่ไปเจอหน้า 7-11 แล้วก็นั่งกินขนมแถวนี้แหละ

โรงแรมที่ญี่ปุ่นเปิดให้ check in เร็วสุดคือบ่ายสอง มาก่อนก็ไม่ให้นะ นี่มานั่งแกร่วตั้งแต่เที่ยง ก็นอนตายอยู่แถวล็อบบี้นั่นแหละ ล้าจากเมื่อคืนที่นั่งเครื่องบินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลย ลุงคนดูแลคงเห็นว่าไอ้พวกนี้น่าจะไม่ไหว เลยให้เข้าก่อนบ่ายสองได้นิดหน่อย ซึ่งพอถึงห้อง อย่างแรกคือนอน นอนยาวไปเลย ไปตื่นอีกทีโน่น ตอนเย็นฟ้ามืดแล้ว อ่ะ บิดขี้เกียจ ยืดเส้น แล้วเคลื่อนกายย้ายตัวไปหาข้าวกิน แล้วลองเดินรอบ ๆ ตั้งใจว่าจะเดินสำรวจทางไป Studio Six สุดท้ายหมดแรง ไปนั่งกินเบียร์หน้าศาลเจ้าแถว 7-11 ดูซาราลี่แมนนั่งดูดบุหรี่กินเบียร์ไปด้วยกันแล้วก็กลับโรงแรม จบหนึ่งวันอันยาวนาน